เทศน์เช้า

เทศน์เช้า

๑๖ พ.ค. ๒๕๔๗

 

เทศน์เช้า วันที่ ๑๖ พฤษภาคม ๒๕๔๗
พระอาจารย์สงบ มนสฺสนฺโต

ณ วัดสันติธรรมาราม ต.คลองตาคต อ.โพธาราม จ.ราชบุรี

 

พระพุทธเจ้าเกิดจากใคร พระพุทธเจ้าเกิดจากพ่อเป็นพระสุทโธทนะ พระพุทธเจ้าก็มีพ่อมีแม่ พระก็มีพ่อมีแม่ ใครไม่รักพ่อรักแม่ ทุกคนรักพ่อรักแม่หมด การรักพ่อรักแม่ เห็นไหม การรักพ่อรักแม่เป็นความกตัญญูกตเวที เราได้ร่างกายนี้มาเพราะใคร? ได้ร่างกายมาจากพ่อจากแม่ พ่อแม่เลี้ยงดูเรามานี่พระอรหันต์ในบ้านไง เป็นพระอรหันต์ของเรา เพราะอะไร? เพราะในการฆ่า ฆ่าพระพุทธเจ้า ฆ่าบิดามารดา เป็นอนันตริยกรรมเหมือนกัน พระอรหันต์ของเราอยู่ในบ้านเราต้องเลี้ยงดู เราต้องดูแลของเรา ความดูแลของเราความผูกพันของเรา สิ่งนี้เป็นเรื่องของโลกเป็นเรื่องของวัฏฏะ

เวลาประพฤติปฏิบัติธรรม ไม่คิดถึงพ่อไม่คิดถึงแม่ ไม่คิดถึงนี่มันเป็นไปได้อย่างไร เพราะนี่มันเป็นการก้าวเดิน ถ้าเราไม่มีทานเราไม่มีการเสียสละ เราจะมีศีลได้ไหม ถ้าเราไม่มีศีลเราจะภาวนาได้ไหม เราจะทำสมาธิได้ไหม แล้วคนที่เข้าวัดเข้าวานี่ไม่คิดถึงพ่อคิดถึงแม่หรือ คิดถึงพ่อคิดถึงแม่อยากให้พ่อให้แม่ได้มีปัญญาได้มีความศรัทธามีความเชื่อ เพราะอยากให้พ่อแม่มีความสุข พ่อแม่ก็ว่าอยากให้ลูกมีความสุข อยากให้ลูกมีครอบครัว อยากให้ลูกอยู่ในสถานะทางสังคมให้ในสังคมมีที่ยืน สังคมนี่ความเห็นสภาวะแบบนั้น สิ่งนี้เป็นความเห็นของเรา

องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าเกิดจากพ่อจากแม่ เวลาพลัดพรากจากพ่อจากแม่มานะ พ่อเจ็บปวดมาก เวลาองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าออกไปประพฤติปฏิบัติแล้วนี่ พ่ออยากจะให้องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าเป็นจักรพรรดิ เป็นการครองเรือนไง รักษาไว้นะไม่ให้ออกไปสังคมภายนอก อย่างใดที่เป็นความสุขปรนเปรอทุกอย่างเลย

แต่เวลาออกไปชมสวน ไปเห็นคนเกิด คนแก่ คนเจ็บ คนตาย เอ๊ะ! มันมีอย่างนี้ด้วยหรือ นี่การปิดไว้ การปรนเปรอไว้จนไม่เคยเห็นสิ่งนี้ไง พอไปเห็นสิ่งนี้สะเทือนใจมาก พอสะเทือนใจมากเวลาจะออกประพฤติปฏิบัติต้องหนีออกไปเลย เพราะตอนนั้นยังไม่มีธรรมวินัย

แต่ในปัจจุบันนี้คนจะบวชพระต้องพ่อแม่อนุญาตนะ เพราะอะไร? เพราะองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าออกไปประพฤติปฏิบัตินี่ พระเจ้าสุทโธทนะเจ็บปวดมาก แต่เจ็บปวดมากมันก็เวียนตายเวียนเกิดในเรื่องของโลก เวลาออกไปประพฤติปฏิบัติเป็นองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า กลับไปเอาพ่อไง กลับไปเอาพ่อกลับไปเอาแม่ แม่เป็นเทวดาอยู่บนดาวดึงส์ขึ้นไปเอาแม่ นี่กลับไปเอาพ่อ สุดท้ายแล้วไปเอาพระราหุลออกบวชอีก นางพิมพาบอกว่าให้ขอสมบัติให้ขอทรัพย์จากพระพุทธเจ้า องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าพิจารณาแล้ว ทรัพย์ที่ควรจะให้ลูกมันจะเป็นสมบัติการครองเรือนหรือว่าจะให้สมบัติเป็นอริยทรัพย์จากภายใน ถึงให้ราหุลบวช ให้พระสารีบุตรบวชราหุล นี่สิ่งนี้ให้เป็นสมบัติจากภายใน

แล้วพระเจ้าสุทโธทนะถึงได้ขอ ขอว่าเวลาลูกจะบวชต้องให้พ่อให้แม่อนุญาตก่อน ถ้าไม่ให้พ่อให้แม่อนุญาตก่อนมันเป็นความเจ็บปวด ขอธรรมวินัยไว้ในศาสนา ฝากไว้ไง ดูอย่างนางวิสาขาขอเรื่องผ้าอาบไว้กับองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า แต่เดิมพระปฏิบัติไม่มีนะ การถวายผ้าถวายจีวรนี่ไม่มี เก็บเอาจากซากศพ สิ่งที่ว่าซากศพ เพราะสมัยอินเดียโบราณเขาห่อด้วยผ้าแล้วไปทิ้งไว้ในป่าช้า เราจะต้องไปชักผ้ามาอย่างนั้นเอามาซัก เอามาทำของเรา คฤหบดีจีวรเกิดจากจิตตคหบดีขอถวายไง ขอถวายจีวรกับองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า

องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าถึงอนุญาตคฤหบดีจีวรมา สิ่งนี้มันเริ่มเสื่อมมาๆ คือว่ามันเริ่มจางมาๆ สิ่งที่จางมานี่แล้วโลกเป็นใหญ่ไม่ได้ ถ้าโลกเป็นใหญ่เราจะเห็นสภาวะโลก นี่เราต้องอยู่กับพ่อกับแม่ เราต้องรักษาพ่อรักษาแม่ เราเลี้ยงพ่อเลี้ยงแม่ด้วยร่างกาย ถ้าเราเลี้ยงพ่อเลี้ยงแม่ด้วยหัวใจ ถ้าพ่อแม่เรื่องร่างกายสังคมเจือจานกันได้ สังคมช่วยเหลือกันได้ แต่หัวใจมันเจือจานได้ยากมาก เพราะเวลาทุกข์ เห็นไหม

แม่ของพระสารีบุตรมีลูก ๑๐ กว่าคนนะ แต่ว่าออกบวชเป็นพระอรหันต์ ๗ หรือ ๘ องค์นี่ มีลูกเป็นพระอรหันต์แต่ตัวเองเป็นมิจฉาทิฏฐิ พระสารีบุตรท้อใจมาก ลูกของแม่บวชเป็นพระอรหันต์ตั้งเจ็ดแปดคน ทำไมแม่ไม่เข้าใจเรื่องศาสนา แล้วพิจารณาของเราว่าจะทำอย่างไรให้แม่เข้าถึงศาสนา เพราะแม่เป็นคหบดีเหมือนกัน มีฐานะร่ำรวยมาก ดำรงชีวิตในโลกสบายมาก อยู่ได้สบายมาก แต่แม่ก็ต้องตายไป ต้องเกิดต้องตาย ต้องเวียนไปตามวัฏฏะ พิจารณาแล้วใครเป็นคนเอาแม่ได้ ก็ตัวเองเอาแม่ได้ไง ต้องกลับไป กลับไปในห้องที่ตัวเองเกิดนั่นนะ เข้าไปนี่ เป็นโรคประจำตัวคือโรคท้องร่วง เวลาถ่ายเป็นเลือดเลย พระอินทร์มาอุปัฏฐาก พรหมมาอุปัฏฐาก แม่แปลกใจว่าแสงสว่างนี้พุ่งเข้าไปในห้องนี่มันเรื่องอะไร? มันอะไร? เข้าไปถามลูกชาย นั่นใครมานะ พระอินทร์มา ลูกของเราหรือพระอินทร์มาอุปัฏฐาก พอตกกลางคืนตกดึกขึ้นมาพระพรหมมา ลูกของเราหรือ

ทิฏฐิมานะไง ความมานะว่าเราเป็นแม่ไง ลูกเราคลอดมาจะมาสอนเราได้อย่างไร สิ่งที่ลูกของเราจะมาสอนเราเป็นไปไม่ได้ เพราะเราเลี้ยงเขามานี่ ทิฏฐิมานะนี่ เราจะมีปัญญาไม่มีปัญญาทิฏฐิมานะมันมีอยู่แล้ว ระหว่างพ่อกับแม่ ระหว่างผู้ใหญ่กับเด็ก ผู้ใหญ่จะมีอย่างนี้มาก เวลาพระออกบวช พระออกบวชผู้เฒ่านี่การประพฤติปฏิบัติสั่งสอนมันเป็นได้ยากเพราะอะไร? เพราะว่าตัวเองประสบการณ์ทางโลก

เรื่องของโลกมันเป็นประสบการณ์ทางโลก มันเป็นการธุรกิจ มันเป็นการแสวงหา การแสวงหาอย่างนั้นมันเป็นเรื่องของโลกเขา ถ้ามันมีศีลธรรมจริยธรรม ศีลธรรมคือความถูกต้อง ไม่เกิดมโนกรรม การเกิดมโนกรรมเราคิดสิ่งใดก็แล้วแต่มันเบียดเบียนเราก่อน แล้วมันฝังใจ จริตนิสัยเกิดตรงนี้ เราฝึกหัดได้นิสัย เวลาบวชขึ้นมาต้องขอนิสัยครูบาอาจารย์ ๕ ปี การประพฤติปฏิบัติให้ได้นิสัยครูบาอาจารย์ ครูบาอาจารย์จะได้สละออก สละสิ่งต่างๆ ออก สละเจือจานกันในหมู่สงฆ์

ในหมู่สงฆ์เหมือนกับมนุษย์คนเดียวกัน แขนขาเดินไปด้วยกัน ในหมู่สงฆ์ต้องสละกัน ในหมู่สงฆ์ต้องให้อภัยกัน ในหมู่สงฆ์การประพฤติปฏิบัติมันจะก้าวเดินไป ถ้าเราหมู่สงฆ์ เราเป็นแผลที่ใดที่หนึ่งก็แล้วแต่ในหมู่สงฆ์มันจะขัดยอกไปในร่างกายนั้น นี่ก็เหมือนกัน การสละอย่างนั้นถึงขอนิสัยไง การขอนิสัย การชำระการดัดแปลงตนเข้ามา ดัดแปลงจริตนิสัย ดัดแปลงจากหัวใจเข้ามา เห็นไหม เลี้ยงใจชอบ

ในสมัยพุทธกาล ที่ว่าเอาพ่อเอาแม่หาบไว้นะ องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าบอกว่าเอาพ่อเอาแม่ไว้บนบ่าซ้ายและบ่าขวานะ แล้วเลี้ยงพ่อเลี้ยงแม่ไว้ตลอด แล้วให้พ่อให้แม่ขับถ่ายบนบ่าของเรา นี่กับเราเปิดตาใจของแม่ เราเปิดตาใจของพ่อเรา เราเปิดตาใจ เราตายแล้วไปไหน ชีวิตนี้คืออะไร พ่อแม่การแสวงหาแสวงหามาเพื่อปัจจัย ๔ เรามีพอไหม ถ้าเรามีพอแล้วนี่ หัวใจมันทุกข์ร้อนไหม? จะหาทางออกอย่างไร? การประพฤติปฏิบัติมันถึงเกิด ศีล สมาธิ ปัญญา ถ้าปัญญาอย่างนี้เกิดขึ้นมานี่ ปัญญาของโลกเขามันเป็นจินตมยปัญญา จินตมยปัญญานักวิทยาศาสตร์เขาคิดของเขาเป็นสภาวะแบบนั้น

แต่ภาวนามยปัญญา ปัญญาอันละเอียด ปัญญาอันนี้เกิดในศาสนาพุทธ “สุภัททะ เธออย่าถามให้มากไปเลย ศาสนาไหนไม่มีมรรค ศาสนานั้นไม่มีผล” ศาสนาต่างๆ ว่าการปฏิบัติศาสนาไหนก็มีการปฏิบัติ ทำสมาธิศาสนาไหนก็มีการทำสมาธิ นี่เจ้าชายสิทธัตถะไปเรียนกับเขามาสมาธิมันมีอยู่โดยดั้งเดิม แต่ปัญญาอันนี้ไม่มี เจ้าชายสิทธัตถะไปเรียนกับอาฬารดาบส เข้าสมาบัติ ๘ ได้ ทำสมาธิได้ กาฬเทวิลเหาะเหินเดินฟ้าได้ ไปอยู่บนพรหมได้ มนุษย์นี่เหาะขึ้นไปอยู่บนพรหมก็ได้ ทำจิตละเอียดขนาดไหนก็ได้ แต่ไม่สามารถชำระกิเลสได้ เพราะสิ่งนี้เป็นพลังงานของใจที่ส่งออกไป

องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้ามาถึงว่าอาสวักขยญาณ อาสวักขัย อาสวักคือความหมักหมมของใจ สิ่งนี้ชำระขึ้นมา นี่มรรคเกิดตรงนี้ มรรคโค ทางอันเอก มรรค ๘ สิ่งที่ว่าปัญญาชอบๆ เดี๋ยวนี้เราตีปัญญากันโดยปัญญาสามัญสำนึกนะ ปัญญาของเราๆ มีปัญญามาก ดูสิ ถ้าเป็นชาวพุทธ ชาวพุทธถ้ามีอำนาจวาสนามาก เศรษฐีโลกต้องเป็นชาวพุทธสิ ทำไมเศรษฐีโลกเป็นชาวศาสนาอื่นล่ะ ไม่เป็นชาวพุทธ อันนั้นเป็นสภาวะเป็นเรื่องของตัวเลข เป็นเรื่องของความเป็นไป

เขามีมากขนาดไหนเขาก็ทุกข์นะ เขาทำมูลนิธิ เขาเผื่อแพร่โลกเป็นพันๆ ล้าน เพราะเขาต้องการความสุข แต่เขาเคยได้ให้ทานในศาสนาพุทธไหม เขาเคยได้ทำบุญไหม เราสิมีโอกาสได้ทำบุญ เรามีโอกาสได้ชำระใจของเรา เราเปิดน้ำเสีย น้ำที่มันเสียเราเปิดออกเพื่อให้น้ำมันถ่ายมา น้ำดีไล่น้ำเสียออกไป นี่การสละทานของเราก็เหมือนกัน เราสละออก เราเปิดหัวใจของเราสละออกไป นี่เราถ่ายน้ำเสียออกจากใจ เราเอาน้ำดีเข้ามา สิ่งนี้เป็นเรื่องของทาน เขาได้ทำของเราไหม ถ้าเราเป็นชาวพุทธ เห็นไหม

“สุภัททะ เธออย่าถามให้มากไปเลย” มรรคเกิดจากใจ มรรคเกิดจากภายใน ปัญญาอันนี้มันจะเกิดขึ้นมา ถ้าใครเห็นปัญญาความเป็นจริงอันนี้มันสลดสังเวชมาก สังเวชว่าความคิดของโลกเขาความคิดขนาดไหนกิเลสพาใช้นะ อยู่กับหลวงตา หลวงตาบอกคนไหนฉลาดมากโง่สองชั้น เพราะตัวเองความคิดนั้นเป็นเรื่องของโลกก็ยังไม่รู้ว่าเป็นเรื่องของโลกนะ แล้วยึดมั่นถือมั่นของเราว่าเรารู้นี่ มันเป็นความโง่สองชั้น มันโง่สองชั้น มันเลยแก้ตัวเองได้ยาก

แต่พวกเรากำหนดพุทโธๆ ทำเหมือนคนโง่ เหมือนกับคนโง่ แต่มันจะฉลาดไง ฉลาดเพราะอะไร? เพราะจิตมันจะสงบ พอจิตมันสงบขึ้นมานี่มันเห็นสภาวะความเป็นไปของจิต สภาวะความเป็นไปของจิตเหมือนคนโง่นะ แต่มันจะฉลาด ไอ้คนที่ฉลาดทางโลกเขาบอกว่าคนฉลาดเอาตัวรอดไม่ได้ แต่ถ้าคนโง่ พุทโธๆ พุทโธมันสงบเข้ามา เวลามันเกิดขึ้นมาสภาวะของมันมันเป็นปัญญาโดยสัจธรรม ปัญญาโดยธรรมชาติ ธรรมชาติคือไม่มีตัวตน คนเรามีปัญญามากขนาดไหน เห็นสภาวะกาย เวทนา จิต ธรรม มันก็ปล่อยวางได้ คนนั้นโง่ขนาดไหนก็แล้วแต่เขาไม่มีปัญญาเลย แต่เวลาเขาเห็นสภาวะกาย เวทนา จิต ธรรม สภาวะกายที่แปรสภาพไป ความเป็นไปอันนั้นนะ สิ่งนั้นน่ะมันสะเทือนหัวใจมาก แล้วหัวใจนั้นปล่อยออกมา

องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้ามีธรรมอันนี้ ถึงไปโปรดพ่อพระเจ้าสุทโธทนะจนเป็นพระอรหันต์ขึ้นมา สามเณรราหุลออกมาบวชก็เป็นพระอรหันต์ สิ่งนี้เวลาจรรโลงศาสนาจรรโลงครอบครัว เกิดมาจากพ่อจากแม่ ทุกคนก็รักพ่อรักแม่ แม่ก็รักลูกทั้งนั้นนะแต่เรื่องของทางโลกเราก็จุนเจือกัน เราก็อาศัยกัน สิ่งที่คิดได้หยาบๆ อย่างนั้นอย่างหนึ่ง สิ่งที่เราออกมาบวชออกมาประพฤติปฏิบัตินั้นเป็นอีกอย่างหนึ่ง ถ้าสิ่งนี้เกิดขึ้นมาศาสนาจะอยู่ได้ ความเจ็บปวดของใจ ทุกข์มันเป็นอริยสัจมันเป็นความจริงอยู่แล้ว แต่ความเจ็บปวดเพื่อจะแลกกับคุณงามความดี ความเจ็บปวดเพื่อจะแลกกับบุญกุศลอันมหาศาลอันนั้นนะ อันนั้นประเสริฐมาก สิ่งที่ประเสริฐ

แต่มันเป็นสิ่งที่ประเสริฐมันเป็นสิ่งที่ละเอียดจนเรามองไม่เห็น เราเห็นแต่สมบัติคือเงิน สมบัติคือแก้วแหวนเงินทอง สมบัติที่เป็นความสุขใจเรามองไม่เห็น เวลานี้เขาออกไปทัวร์กันเมืองนอกออกไปทัวร์ที่ต่างๆ ก็เพื่อความสุขเพื่อความพอใจ สิ่งนั้นแลกมาด้วยเงิน แต่ทำสมาธินี้แลกด้วยเงินไม่ได้ ต้องเกิดปฏิบัติขึ้นมา บุญกุศลแลกมาด้วยเงินไม่ได้ เว้นไว้แต่การสละทาน สิ่งที่เราสละไป ให้ทาน รดน้ำที่โคนต้น ผลออกจากปลายของต้น เราจะไปเด็ดผลออกมา เราจะเอาผลนี้ไปติดอยู่ที่ปลายต้นไม่ได้ เราต้องรดน้ำที่โคนต้นไม้ ใส่ปุ๋ยรดน้ำโคนต้น

นี่ก็เหมือนกัน เราสละทานออกไปเพื่อรักษาใจของเรา ใจของเราจะเจริญงอกงามขึ้นมา งอกงามในศาสนานะ แล้วมันจะมีธรรมในหัวใจ นี่มีธรรมเป็นพ่อเป็นแม่ เราเกิดเป็นลูกของพ่อของแม่ แล้วเราก็จะมีธรรมในหัวใจของเรา เราเกิดในธรรม เอโก ธัมโม ธรรมอันเอกจากหัวใจอันนั้น ถึงบอกพ่อแม่ความกตัญญูเป็นส่วนหนึ่ง พ่อแม่เป็นพระอรหันต์ในบ้านของเราส่วนหนึ่ง เราประพฤติปฏิบัติใจของเราเป็นธรรมขึ้นมาอีกอย่างหนึ่ง สิ่งที่อย่างหนึ่งเห็นไหม เป็นพระอรหันต์นั้นเป็นการเปรียบเทียบ พ่อแม่เป็นพระอรหันต์ของลูกนี่เปรียบเทียบขึ้นมา เพราะเราได้สมบัติอันนี้มามหาศาลมาก

เราประพฤติปฏิบัติขึ้นมาได้ธรรมอันนี้ขึ้นมานี่ เราได้จากพระพุทธเจ้านี้ยิ่งมหาศาลเข้าไปใหญ่ มันถึงเทียบเคียงกันมาว่าสิ่งใดเป็นประโยชน์อย่างกลาง อย่างหยาบ อย่างละเอียดเข้าไปเรื่อยๆ เราถึงจะเจริญเติบโตขึ้นมา ร่างกายก็เจริญเติบโตขึ้นมา หัวใจก็เจริญเติบโตขึ้นมา จากปุถุชนเป็นกัลยาณปุถุชน เป็นอริยบุคคล จนถึงที่สุดได้ เอวัง